head-watnongkratum
ยินดีต้อนรับเข้าสู่เว็บไซต์ โรงเรียนวัดหนองกระทุ่ม(สังฆรักษ์ราษฎร์บำรุง)
วันที่ 19 เมษายน 2024 2:37 PM
head-watnongkratum
โรงเรียนวัดหนองกระทุ่ม(สังฆรักษ์ราษฎร์บำรุง)
หน้าหลัก » นานาสาระ » นิทานสอนใจ

นิทานสอนใจ

อัพเดทวันที่ 22 มกราคม 2021

นิทานสอนใจ

นิทานสอนใจ

นิทานสอนใจ หากพูดถึงสิ่งที่ทุกประเทศมีนั้นก็คงไม่พ้นเรื่องของนิทานที่ใช้สอนใจของเหล่าเด็กๆ หรือบางครั้งนิทานเหล่านี้ก็ถูกนำมาสอนใจผู้ใหญ่เหมือนกัน บทความฉบับนี้ขอนำเสนอนิทานสอนใจที่คุณไม่เคยได้อ่านมานำเสนอให้อ่านกัน

1. หมีขาวกับฤดูหนาว

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วมีหมีขาวตัวใหญ่อาศัยอยู่ท่ามกลาง ทะเล น้ำแข็งอันกว่าใหญ่ ในทุกๆ เช้าของเจ้าหมีขาวนั้นมันจะทำกิจวัตรประจำวันโดยเริ่มจากการตื่นนอน ต่อด้วยไปล้างหน้าแปรงฟัน และมารับประทานอาหารเช้า เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จเจ้าหมีขาวก็จะออกเดินทางไปยังหุบเขาต้นสนเพื่อไปพบปะกับเพื่อนๆ ของเขา เพื่อนของหมีขาวนั้นได้แก่ กระรอก นกยูง และช้าง ระหว่างทางที่หมีขาวเดินมานั้นมันจะเก็บเห็ดนานาชนิดเพื่อนำมาเป็นของฝากให้แก่กระรอก และก็เก็บหนอนตัวเล็กๆ เพื่อนำมาเป็นของฝากให้นกยูง และเก็บผลไม้ป่าเพื่อนำมาเป็นของฝากให้แก่ช้าง เมื่อหมีขาวมาถึงเขาก็จะเข้าไปพูดคุยกับเหล่าเพื่อนของเขาจนเย็นหมีขาวและเพื่อนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน เวลาล่วงเลยผ่านไปจนเข้าสู่ช่วงเดือนตุลาคมหมีขาวก็ออกมาพบเพื่อนของเขาอย่าปกติแต่ตอนนี้เพื่อนๆ ของเขานั้นกำลังยุ่งกับการจัดเตรียมอาหารเพื่อใช้ในยามฤดูหนาว เมื่อมีขาวมาถึงสถานที่ที่พวกเขามักจะใช้เพื่อพูดคุยกันหมีขาวก็ไม่เจอกับเพื่อนๆ ของเขาเลยหมีขาวจึงเดินไปยังบ้านของกระรอกเขาเห็นกระรอกกำลังวุ่นวายกับการเก็บเห็ดและลูกสนเข้าบ้านตัวเองหมีขาวจึงเอ่ยถามว่า “กระรอก เจ้าทำอะไรอยู่” เจ้ากระรอกหันมาตอบเสียงดัง “ข้ากำลังเก็บอาหารสำหรับฤดูหนาวอยู่เจ้าไปหานกยูงเถิด” เมื่อหมีขาวได้ยินเขาจึงเดินไปยังบ้านของนกยูงแต่เขาก็เห็นนกยูงกำลังยุ่งกับการเก็บหนอนเข้าบ้านอยู่ “นกยูงเจ้าทำอะไร” หมีขาวเอ่ยถาม “ข้ากำลังเก็บอาหารสำหรับฤดูหนาวอยู่เจ้าไปหาช้างเถิด” นกยูงตอบกลับเสียงดังหมีขาวนั้นก็เริ่มสงสัยว่าฤดูหนาวนั้นคืออะไร เขาเดินไปหาช้างที่บ้านแต่ช้างไม่ได้กำลังวุ่นวายในการเก็บอาหารตอนนี้ช้างนั้นกำลังใช้ใบสนมาทำเป็นกองใหญ่เพื่อเป็นที่นอนที่อบอุ่นของเขา “ช้าง เจ้าไม่เก็บอาหารสำหรับฤดูหนาวเหรอ” หมีขาวเอ่ยถาม เจ้าช้างส่ายหน้าไปมา “ข้ามีอาหารเพียงพอแล้ว ตอนนี้ข้ากำลังทำที่นอนให้อบอุ่นอยู่” เจ้าช้างตอบ เจ้าหมีขาวเกิดความสงสัยว่าฤดูหนาวคืออะไรเขาจึงเอ่ยถามช้างออกไป เมื่อช้างได้ยินก็หัวเราะเสียงดัง “ฤดูหนาวคือ ฤดูที่จะไม่มีอาหาร อากาศจะเย็นมาก” หมีขาวพยักหน้าเข้าใจแต่เขาก็สงสัยว่าอากาศเย็นดีจะตายนอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่ปลาออกมาวางไข่ด้วยแต่ทำไมเหล่าเพื่อนๆ ของเขาจึงไม่ชอบฤดูหนาว เจ้าช่างสังเกตใบหน้าของหมีขาวได้เขาจึงอธิบายแก่หมีขาวว่า “พวกข้ามีร่างกายที่ไม่อาจทนต่ออากาศหนาวได้ไม่เหมือนกับเจ้า พวกข้าไม่มีขนหนาๆ ไว้หุ้มกาย อุ้งเท้าข้าก็ไม่มีเล็บไว้จับปลาเมื่อถึงฤดูหนาวพวกข้าจึงต้องจัดเตรียมอาหารและบ้านให้เพียงพอเพื่อจะผ่านความหนาวไป” เจ้าช่างพูดอธิบายพร้อมส่งรอยยิ้ม เจ้าหมีขาวเข้าใจและช่วยเหล่าเพื่อนๆ จัดเตรียมอาหารและที่นอนและเขาก็กลับมายังบ้านตัวเองรอฤดูหนาวภายไปเพื่อจะได้กลับไปพบเจอเพื่อนๆ อีก

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “มนุษย์เราทุกคนมีสิ่งที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นจงเคารพการบุคคลอื่นให้เหมือนเคารพตัวเอง”

2. หนูผู้ซื่อสัตย์

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วในป่าที่ใหญ่โตมาหนูอยู่ตัวหนึ่งกำลังวิ่งวุ่นไปทั่วทั้งป่าจนกระทั่งหนูตัวนั้นมองเห็นเนื้อก้อนใหญ่ที่ถูกวางอยู่บนหิน ตาของเจ้าหนูลุกเป็นประกายเมื่อเห็นเนื้อนั้นเขามีความรู้สึกว่าอยากได้เนื้อนั้นเอามากๆ แต่ว่าเนื้อที่เจ้าหนูเห็นนั้นไม่ใช่เนื้อธรรมดาเนื้อนั้นคือเนื้อพิเศษผู้ที่จะได้เนื้อนั้นไปจะต้องเป็นคนที่พระเจ้าเป็นผู้เลือก ด้วยความที่เจ้าหนูอยากกินเขาจึงค่อยๆ แอบเข้าไปใกล้และใช้มีดเล็กๆ ของเขาตัดเนื้อออกมาเล็กน้อยแต่เมื่อเขาตัดเนื้อออกมาเนื้อนั้นก็หายไปจากหินในทันที ขณะเดียวกันก็มีสิงโตตัวใหญ่เดินเข้ามาสิงโตตัวใหญ่นี้เป็นผู้ปกป้องเนื้อวิเศษเมื่อเจ้าหนูเห็นสิงโตมันจึงรีบวิ่งไปซ่อนทันที เจ้าสิงโตมองไปยังหินที่ตอนนี้ไม่มีเนื้อแล้วเขาโกรธมากจึงเรียกให้เหล่าสัตว์ในป่ามายังลานกว้างเจ้าสิงโตพูดด้วยความโกรธ “เนื้อวิเศษหายไป ข้ามั่นใจว่าจะต้องมีคนมาขโมยไปแน่ใครกันที่ขโมยไป” สิงโตคำรามออกมาเสียงดังทำให้เหล่าสัตว์ต่างพากันกลัว “กระต่าย ข้าเห็นกระต่าย” เจ้าแพะตะโกนตอบ “ข้าไม่ได้ทำนะท่านสิงโต” กระต่ายยกมือขอร้องชีวิต เสียงของเหล่าสัตว์ต่างพากันโทษกันไปโทษกันมาจนตอนนี้ไม่รู้แล้วว่าแท้จริงนั้นใครกันแน่เป็นคนเอาไป เสียงคำรามดังขึ้นอีกครั้งสิงโตโกรธมาก “ต่อแต่นี้ข้าจะไม่แบ่งเนื้อวิเศษให้แก่พวกเจ้า” สิงโตเอ่ยออกมาด้วยความโกรธขณะเดียวกันเจ้าหนูเมื่อได้ยินเช่นนั้นเขาก็รู้สึกผิดมาจึงตะโกนออกมาเสียงดัง “ข้าเอง ข้าเป็นคนใช้มีดตัดปลายเนื้อเล็กนั้นออกมาเอง ความผิดข้าลงโทษข้าเถิด” เหล่าสัตว์ทั้งหลายรวมทั้งเจ้าสิงโตหันมามองเจ้าหนูตัวเล็ก “เจ้าคิดจะขโมยเนื้อข้าหรือเจ้าหนู” สิงโตเอ่ยถาม “ข้าไม่ได้คิดจะขโมยไปทั้งชิ้นหรอกท่านสิงโต ข้าเพียงอยากได้ชิ้นเนื้อเพียงเล็กเพราะข้านั้นหิวมาก แต่ข้าก็ไม่อยากให้คนอื่นต้องรับโทษแทนข้าด้วย” เจ้าหนูเอ่ยตอบ เมื่อสิงโตเห็นเช่นนั้นเขาคลี่ยิ้มออกมาและเอ่ยต่อหนูว่า “แม้เจ้าจะทำผิดแต่เจ้าก็มีความซื่อสัตย์ที่จะรับผิดชอบต่อความผิดตน ข้าจะแบ่งเนื้อวิเศษให้แก่เจ้า” เมื่อสิงโตพูดจบเนื้อวิเศษก็ปรากฏขึ้นมาบนหินอีกครั้งเจ้าสิงโตใช้กรงเล็บตัดชิ้นเนื้อและมอบให้แก่เจ้าหนู

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “การกระทำที่ซื่อสัตย์มักจะได้รางวัลกลับมาเสมอ”

3. ชายชราในหมู่บ้าน

นานมาแล้วมีชายชราคนหนึ่งอายุอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ห่างไกลตัวเมืองเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยพูดค่อยจาทั้งยังเป็นคนไม่เคยมองโลกในแง่ดี เขามักจะพูดจาร้ายๆ ใส่คนในหมู่บ้านเสมอ ยิ่งเขาอายุมากขึ้นเท่าไหร่เขาก็ยิ่งพูดจาทำร้ายคนในหมู่บ้านมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งมีอยู่วันหนึ่งชายชราเดินออกมาจากบ้านของเขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสนั้นทำให้ชาวบ้านต่างตกใจกันอย่างมาก ชาวบ้านต่างพากันรวมตัวมาหาชายชราและถามเขาว่า “ทำไมวันนี้คุณดูอารมณ์ดีจัง คุณไม่ด่าพวกฉันแล้วไงหรือ” ชายชรายิ้มและหัวเราะออกมา “วันนี้ฉันก็อายุ 80 ปีแล้วตลอดเวลาฉันได้แต่ตามหาความสุขที่มาจากเงินทอง ของกินหรือผู้คน แต่ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าความสุขนั้นมันต้องเริ่มมาจากฉันก่อน” ชายชรายิ้มให้กับคนในหมู่บ้านนั้นทำให้คนในหมู่บ้านก็ต่างดีใจและยินดีกับเขาในเย็นวันนั้นทุกคนจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ชายชราและทุกคนก็อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “อย่าไล่ล่าหาความสุขเพราะแท้จริงนั้นความสุขอยู่ที่ตัวคุณเอง”

 

นานาสาระ ล่าสุด
Banner 1
Banner 2
Banner 3
Banner 4