
วรรณกรรม ประเทศรัสเซียเป็นประเทศที่ยิ่งใหญ่ประเทศหนึ่งในโลก เป็นประเทศที่มีพื้นที่กว้างใหญ่มหาศาล และเป็นประเทศที่เป็นมหาอำนาจในเกือบจะทุกด้านของโลก ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของวงการวรรณกรรมของโลก ในประเทศรัสเซียมีนักเขียนผู้ยิ่งใหญ่อยู่สองคน คือ ฟีโอดอร์ ดอสโตเยฟสกี้และลีโอ ตอลสตอย ซึ่งทั้งสองท่านได้สร้างผลงานที่เป็นวรรณกรรมอมตะซึ่งสะท้อนภาพของประเทศรัสเซียในสมัยนั้นอย่างลุ่มลึกและแหลมคมให้กับโลกมากมาย
ลีโอ ตอลสตอย (Leo Tolstoy) มีชื่อจริงว่าเคานต์เลียฟ นิโคเลเยวิช ตอลสตอย (Lev Nikolayevich Tolstoy) เขาเกิดเมื่อปี ค.ศ. 1828 ที่เมืองทูล่าประเทศรัสเซีย ซึ่งอยู่ห่างจาก มอสส์โคว์ประมาณ 200 กิโลเมตร เขาเป็นบุตรของเคานต์นิโคเล อิลยิค ตอลสตอยกับเจ้าหญิง มาเรีย มิโคเลฟนา ดอสสตอย ตระกูลของเขาเป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่และมีความสำคัญมากของประเทศ สมัยเป็นเด็กเขาเป็นคนที่มีความช่างคิดและชอบวิเคราะห์ตนเอง เมื่ออายุ 17 ปี เขาเริ่มจดบันทึกและชอบวิพากษ์วิจารณ์ตนเองอย่างตรงไปตรงมา
ปี 1844 เขาสมัครเข้าเรียนวิชาภาษาอารบิกและเตอรกริซที่มหาวิทยาลัยคาซาน ต่อมาเขาเปลี่ยนมาเรียนในสาขาวิชานิติศาสตร์อยู่ระยะหนึ่งและออกจากมหาวิทยาลัยโดยที่ยังไม่จบการศึกษา หลังจากออกจากมหาวิทยาลัยเขาได้ไปทำนาบนที่ดินที่เขาได้รับมรดกจากพ่อ เขามีความตั้งใจที่จะปรับปรุงความเป็นอยู่ของชาวนาที่เขาปกครองให้ดีขึ้นกว่าเดิม แต่เขาก็ต้องผิดหวังเพราะชาวนาเหล่านั้นต่างก็ต่อต้านการเปลี่ยนแปลงของเขา เขาจึงกลับไปศึกษาต่อในวิชากฎหมายที่มหาวิทยาลัยเซนต์ปีเตอร์เบิร์ก ต่อมาเขาก็ออกจากมหาวิทยาลัยโดยที่เรียนไม่จบเหมือนเดิม โดยเวลานั้นเป็นเวลาที่เขาใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานเต็มที่
ปี 1848 เขาเดินทางไปมอสส์โคว์และใช้ชีวิตอย่างเสเพลแบบชายหนุ่มตระกูลสูงของรัสเซีย โดยใช้เวลาอยู่กับอบายมุขไม่ว่าจะเป็นการพนันและโลกีย์ ขณะเดียวกันก็เฝ้าสังเกตการณ์ใช้ชีวิตของชาวรัสเซียในสังคมเมืองอย่างใกล้ชิด อันเป็นจุดเริ่มต้นของแรงบันดาลใจในการเขียนหนังสือเขา โดยเขามีผลงานหนังสือเรื่อง “Childhood” เป็นผลงานเรื่องแรกและ “Adolescence” ในเวลาต่อมา
ปี 1852 เขาสมัครเข้ารับราชการในกองทัพ และได้ออกสู้รบกับชนพื้นเมืองเชเกนส์ และเผ่าตาร์ตาร์ซึ่งเป็นกบฏและต้องการแยกดินแดนออกจากรัสเซีย
ปี 1853 เขาเริ่มเขียนนิยายเรื่อง “The Cossacks” และเริ่มล่าสัตว์ ชีวิตในช่วงนี้เขายังติดการพนันและโลกีย์เหมือนเดิม แต่ความสำนึกถึงสิ่งดีและชั่วทำให้เขาหันมาศรัทธาในพระเจ้าและเขาไม่เชื่อในนิกายใดๆ โดยเขาตีความศาสนาตามความเชื่อของตนเอง เขากลับมาหลงใหลในธรรมชาติและเบื่อหน่ายกับชีวิตในเมืองที่เขาเห็นว่ามีแต่ความฉาบฉวยหลอกลวง
ปี 1854 เขาได้รับการแต่งตั้งเป็นนายทหารไปรบในสงครามไครเมีย ประสบการณ์นี้ถูกนำไปรวมอยู่ในหนังสือเรื่อง “Sevestopol Stories” ซึ่งเป็นเรื่องความกล้าหาญของทหารรัสเซียในการรบป้องกันเมืองเซเวสโตปอลท่ามกลางวงล้อมของฝ่ายตุรกี ตอนนี้ตอลสตอยเป็นนักเขียนที่มีเชื่อเสียงไปทั่วรัสเซียแล้ว
ปี 1857 ตอลสตอยเดินทางไปฝรั่งเศส เยอรมนีและสวิตเซอร์แลนด์ จากประสบการณ์นี้ทำให้เขามีความคิดต่อต้านองค์กรและวัฒนธรรมสมัยใหม่อย่างรุนแรง เขากลับมาที่ยาสนายา โปลียานา เพื่อเปิดโรงเรียนสอนลูกชาวนาโดยเขามีหลักการส่งเสริมเสรีภาพส่วนบุคคลและการ รู้จักตนเอง แต่งานด้านการศึกษาของเขาต้องชะงักไว้ก่อน เพราะเขาต้องเดินทางไปเยี่ยมนิโคเลพี่ชายซึ่งกำลังป่วยอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศสและระหว่างนี้เขาเดินทางไปดูงานด้านการศึกษาและระบบโรงเรียนทั่วประเทศเยอรมนี ตอลสตอยอยู่กับพี่ชายจนวินาทีสุดท้าย ความตายของนิโคเลสร้างความสะเทือนใจให้เขาเป็นอย่างมาก เขาใช้การทำงานเป็นเครื่องบรรเทาความเศร้าโศกและอ้างว้างในชีวิต
ตัวตนของตอลสตอยเป็นคนที่แสวงหาความจริงในชีวิต แสวงหาความหมายของชีวิต และศิลปะรวมถึงความเข้าใจในพระเจ้า การแต่งงานกับโซเฟีย อังเดรเยฟน่า เบอห์ ทำให้ชีวิตของเขาได้รับความสงบขึ้น และเป็นช่วงเวลาที่เขาสร้างผลงานวรรณกรรมที่เป็นอมตะ “สงครามและสันติภาพ (War and Peace) ” และ “อันนา คาเรนิน่า (Anna Karenina) ” การเขียนนิยายเรื่องนี้ทำให้เขาได้ค้นพบว่า “ชีวิตที่มีความหมายคือการดำเนินชีวิตให้สอดคล้องกับความดีงามทางจิตวิญญาณ” และ”มนุษย์ต้องใช้ชีวิตให้สอดคล้องกับธรรมชาติ การปล่อยชีวิตไปตามอำเภอใจเป็นต้นเหตุของความเสื่อมของมนุษย์” และ”การครอบครองทรัพย์สินของส่วนรวมเป็นความชั่วร้ายที่สุดของมนุษย์” แม้จะมีคนไม่เห็นด้วยกับเขามากแต่เขาก็มีสานุศิษย์มากมาย โรงเรียนของเขาที่ยาสนายา โปลียานากลายเป็นแหล่งแสวงบุญของนักจาริกที่มาแสดงความเคารพและขอคำแนะนำจากเขา
ภายหลังปี 1881 เขาประกาศไม่รับค่าลิขสิทธิ์จากงานเขียน เขาแบ่งทรัพย์สินทั้งหมดให้กับครอบครัว เขาเลิกสูบ เลิกดื่ม ใช้ชีวิตแบบชาวนา ใช้แรงงาน แต่ครอบครัวเขากลับไม่ยอมรับวิถีชีวิตแบบนี้และยังใช้ชีวิตอยู่บนความมั่งคัง สตอลสตอยเริ่มขัดแย้งกับครอบครัว โซเฟียภรรยาของเขามีอาการทางประสาท เป็นช่วงเวลาที่เจ็บปวดด้วยกันทั้งสองฝ่าย ในที่สุดในปี 1910 ตอลสตอยหนีออกจากบ้านและไปเสียชีวิตที่สถานีรถไฟ เขามีอายุ 82 ปีตอนเสียชีวิต
ตลอดชีวิตของลีโอ ตอลสตอยเขาได้สร้างผลงานวรรณกรรมไว้มากมาย เขาได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักเขียนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมตั้งแต่ปี 1902 ถึง 1906 และรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปี 1901, 1902 และ 1909 การที่เขาไม่เคยได้รับรางวัลนี้เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมาก
ลีโอ ตอลสตอยเป็นนักเขียนที่เป็นที่รู้จักทั่วโลกจากนวนิยายเรื่อง “สงครามและสันติภาพ” (ปี 1869) และ”แอนนา คาเรนินา” (ปี 1878) เป็นนวนิยายที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นนิยายแนวสัจนิยมที่ดีที่สุด เขาประสบความสำเร็จด้านวรรณกรรมเป็นครั้งแรกในวัยยี่สิบ ด้วยนิยายอัตชีวประวัติของเขา คือ “Childhood”, “Boyhood”, และ “Youth” (1852–1856) และ “Sevastopol Sketches” (1855) ที่เขาเขียนจากประสบการณ์ของเขาในสงครามไครเมีย และเรื่องสั้นหลายเรื่อง เช่น “The Death of Ivan Ilyich” (1886) , “Family Happiness” (1859) , และ “Hadji Murad” (1912) นอกจากนี้เขายังเขียนบทละครและบทความเชิงปรัชญาอีกมากมาย
แนวความคิดของเขาเกี่ยวกับการต่อต้านโดยไม่ใช้ความรุนแรงรุนแรงซึ่งปรากฏอยู่ในวรรณกรรม เช่น “The Kingdom of God Is Within You” (1894) สร้างแรงบันดาลใจอย่างมากต่อบุคคลสำคัญในศตวรรษที่ 20 เช่น มหาตมะ คานธี และมาร์ติน ลูเธอร์ คิงจูเนียร์ นอกจากนี้เขายังเป็นผู้สนับสนุนลัทธิจอร์เจีย ซึ่งเป็นปรัชญาทางเศรษฐกิจของ เฮนรี จอร์จ ซึ่งเขาระบุไว้ในงานเขียนของเขาโดยเฉพาะเรื่อง “Resurrection” ในปี 1899
อ่านบทความต่อไป คลิ๊ก !!! ยิ้ม